Angthong Hospital

  • 035 615 111
  • 035 612 151

ประกาศ, ประชาสัมพันธ์, รายงานและบทความ

ณัฐธภัสสร รัศมีสุขสรร 1 พ.ค. 2557

เอกสารแนบ

ศัลยกรรมความงามและการลดความอ้วน ถือเป็นเทรนด์ฮิตของคนยุคนี้ ทำให้สถาบันลดน้ำหนัก คลินิกศัลยกรรม และสถาบันเสริมความงามต่างๆ ผุดขึ้นมามากมาย อีกทั้งยังมีการโฆษณาชวนเชื่อเชิญชวนให้ไปใช้บริการ หลายคนเสียเงินเสียทองไปไม่น้อย เพื่อให้ได้มาซึ่งความสวยใสและมีหุ่นสวยฟิต & เฟิร์มดังใจปรารถนา ซึ่งก็มีทั้งได้ผลบ้างและไม่ได้ผลบ้าง ซ้ำร้ายบางคนเกิดโยโย่อ้วนมากกว่าเดิม และหลายคนมีอันตรายถึงชีวิตจากภัยยาลดความอ้วน

/data/content/24119/cms/e_bcdfjmtx3469.jpg

         ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล ภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ทำให้คนในปัจจุบันมีไขมันสะสมเยอะ หรืออ้วนนั้น เกิดจากหลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่สำคัญคือ กิจวัตรในชีวิตประจำวันที่เราหลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะพฤติกรรมการกินอาหารกับเมนูจานโปรดที่หลายคนบอกว่ายากที่จะอดใจ ไม่ว่าจะเป็น ไก่ทอด ข้าวขาหมู ข้าวหน้าเป็ด ข้าวมันไก่ ข้าวเหนียวหมูย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง ไอศกรีม และเมนูขนมหวานต่างๆ ที่หลายคนโปรดปราณ ซึ่งล้วนแต่อุดมไปด้วยไขมัน และน้ำตาลที่สามารถเปลี่ยนไปเป็นไขมันได้ รวมถึงพฤติกรรมการนั่งโต๊ะทำงานทั้งวันของหนุ่มสาวออฟฟิศ ก็มีส่วนทำให้เกิดไขมันสะสมหน้าท้องได้ง่ายเช่นกัน

         ดังนั้น เราควรมีวิธีจัดการและควบคุมไขมันในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างความฟิต & เฟิร์มให้กับหุ่นสวย โดยมีหลักการง่ายๆ คือ รับประทานอาหารแต่พอดี หยุดตามใจปากและหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง และที่สำคัญต้องควบคุมแคลอรี่ของอาหารที่รับประทาน โดยมีข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคือ ต้องกินให้น้อยกว่าพลังงานที่ใช้ออกไป ซึ่งหากต้องการลดน้ำหนักการลดพลังงาน 3,500 กิโลแคลอรี่ = ไขมัน 0.45 กิโลกรัม ฉะนั้น ถ้าในแต่ละวันลดพลังงานลง 500 กิโลแคลอรี่ ใน 1 สัปดาห์ก็จะสามารถลดน้ำหนักไขมันได้ประมาณ 0.45 กิโลกรัมเลยทีเดียว

/data/content/24119/cms/e_efhjmnsy1247.jpg

         เมื่อลดอาหารแล้ว ก็ควรจะเลือกตัวช่วยที่ดีรวมถึง การเลือกรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่จะมาช่วยลดไขมันในร่างกายด้วย ซึ่งการดื่มชาก็เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง เพราะชาไม่เพียงแต่จะทำให้เรารู้สึกสดชื่นคลายร้อนในหน้าร้อนแบบนี้แล้ว หากเรารู้จักเลือกชนิดของชาก็จะสามารถช่วยลดไขมันในร่างกาย และทำให้ผิวพรรณสดใสได้อีกด้วย เช่น ชาอู่หลง เพราะในชาอู่หลงนั้น มีสารโอทีพีพี (OTPP) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระได้ดี และหากดื่มชาอู่หลงในขณะที่ทานอาหาร ก็จะมีส่วนช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นถึง 10% และยังมีผลวิจัยพบว่า สาร OTPP ช่วยลดการดูดซึมไขมัน และเพิ่มการขับไขมันทางอุจจาระ สามารถลดไขมันในช่องท้อง หรือสามารถต้านภาวะอ้วนลงพุงได้ดีกว่าสารโพลีฟีนอลอื่นๆ อีกด้วย

         แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราจะมีตัวช่วยลดไขมันแล้ว ต้องดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย เช่น หลีกเลี่ยงหรือบริโภคแต่น้อยสำหรับอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันตัวร้าย และคอเรสเตอรอล อย่างเช่น ของทอดน้ำมันทั้งหลาย เครื่องในสัตว์ ไส้กรอก หมูยอ กุนเชียง ขนมเบเกอรี่ รวมถึงของหวานชนิดต่างๆ เพราะการกินของหวานมากๆ จะทำให้ระบบเผาผลาญเก็บสะสมไขมันมากกว่าการเผาผลาญออกไปใช้ และขนมหวานมักมีส่วนผสมของไขมันไม่ดีอยู่ด้วย หากกินเข้าไปมากๆ ไขมันในเลือด และพุงก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้อาหารที่มีเกลือ หรือโซเดียมสูง เช่น ไส้กรอก เบคอน กุนเชียง ฮอทด็อก ก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของหุ่นฟิต & เฟิร์มเช่นกัน และยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงอีกด้วย

        สุดท้าย สิ่งที่จะทำให้เรามีทั้งหุ่นและสุขภาพที่ดีก็คือ การออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายจะช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และไขมันแอลดีแอลได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ คือช่วยเพิ่มไขมันเอชดีแอล หรือไขมันชนิดดีที่คอยเก็บกวาดไขมันตัวร้ายให้ออกไปจากหลอดเลือดร่างกายด้วย นอกจากนี้ประโยชน์ของการออกกำลังกายยังทำให้หุ่นกระชับไม่หย่อนคล้อยและร่างกายแข็งแรงอีกด้วย ซึ่งการออกกำลังกายนั้นสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา แม้แต่ทำงานในออฟฟิศ แทนที่จะนั่งอยู่กับโต๊ะเฉยๆ ควรเปลี่ยนอิริยาบถ ยืดเส้นยืดสาย และเดินไป-มาบ้าง เพราะการเดินสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าการนั่ง 3–5 เท่า ผลการวิจัยพบว่าการเดิน 10,000 ก้าวใน 1 วันสามารถช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 400-500 กิโลแคลอรี่ นอกจากนี้ ควรเข้าฟิตเนส หรือไปวิ่งตามสวนสาธารณะเป็นประจำ โยคะ ต่อยมวย รวมถึงการว่ายน้ำ ก็จะช่วยให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้น

         แต่ทั้งนี้ ผู้ปฏิบัติควรมีระเบียบวินัย และความตั้งใจจริงในการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยความสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลสูงสุดและโชว์หุ่นสวยฟิต & เฟิร์มได้ไม่อายใคร

 

     

        ที่มา: เว็บไซต์บ้านเมือง

        ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

อ้างอิง: http://www.thaihealth.or.th/Content/24119-กินอาหารให้สมดุล-กระตุ้นเผาผลาญ.html