Angthong Hospital

  • 035 615 111
  • 035 612 151

ประกาศ, ประชาสัมพันธ์, รายงานและบทความ

ณัฐธภัสสร รัศมีสุขสรร 3 ก.ค. 2557

เอกสารแนบ

          /data/content/24908/cms/e_abgiqrxyz126.jpg

        กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะหลักการขับรถในช่วงฝนตก อย่างปลอดภัย โดยเปิดใช้ใบปัดน้ำฝนให้สอดคล้องกับความแรงและปริมาณฝนที่ตกลงมา ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันอื่นให้มากกว่าปกติ ไม่เปลี่ยนช่องทางกะทันหัน ไม่แซงรถคันอื่นในระยะกระชั้นชิด ไม่เหยียบเบรกให้รถหยุดในทันที รวมถึงเปิดใช้สัญญาณไฟ จะทำให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น ไม่เปิดไฟกะพริบและไฟสูงอย่างเด็ดขาด จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง

          นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฤดูฝนเป็นช่วงที่สภาพถนนเปียกลื่น มีน้ำท่วมขัง และทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงและรุนแรงกว่าปกติ เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอแนะหลักการขับรถในช่วงฝนตก ดังนี้ การเปิดใช้ที่ปัดน้ำฝน ปรับระดับความเร็วของที่ปัดน้ำฝนให้สอดคล้องกับความแรงและปริมาณฝนที่ตกลงมา รวมถึงฉีดน้ำล้างกระจกทุกครั้งเมื่อเปิดใช้งานที่ปัดน้ำฝนหรือมีคราบฝุ่นละอองเกาะกระจกรถ จะช่วยให้กระจกสะอาดขึ้น และลดการเสียดสีระหว่างใบปัดน้ำฝนกับกระจก ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น

          การใช้ความเร็ว ควรลดระดับความเร็วให้สอดคล้องกับสภาพถนนและปริมาณฝนที่ตกลงมา ขับรถให้ช้ากว่าปกติประมาณ 3 ใน 4 ของความเร็วปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่ฝนเริ่มตกใหม่ๆ คราบดินบนพื้นถนนจะผสมกับน้ำฝน ทำให้ผิวถนนมีสภาพเป็นทางโคลน จึงเป็นช่วงที่รถเสี่ยงต่อการลื่นไถลมากกว่าปกติ เพื่อความปลอดภัย ควรขับรถในระดับความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เพื่อป้องกันรถเหินน้ำ ที่สำคัญควรรักษาความเร็วในระดับที่สามารถควบคุมรถได้ จะช่วยให้รถยึดเกาะถนนได้ดี สามารถหยุดรถและแก้ไขสถานการณ์ได้ทันทีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน การเว้นระยะห่าง ไม่ขับรถชิดท้ายรถคันหน้ามากเกินไป เว้นระยะห่างให้มากกว่าปกติประมาณ 10 – 15 เมตร โดยเฉพาะรถขนาดใหญ่ควรทิ้งช่วงจากรถคันอื่นให้มากกว่า 15 เมตร จะช่วยให้มีระยะทางในการหยุดรถอย่างปลอดภัย             

         การเปลี่ยนช่องทาง ขับรถในช่องทางของตนเอง ไม่เปลี่ยนช่องทางกะทันหัน ไม่แซงรถคันอื่นในระยะกระชั้นชิด /data/content/24908/cms/e_dhorsuwxz367.jpgพร้อมเปิดสัญญาณไฟทุกครั้งที่เปลี่ยนช่องทาง รวมถึงเพิ่มความระมัดระวังเมื่อขับรถผ่านทางร่วมทางแยก เพราะเป็นเส้นทางที่มีการจราจรคับคั่ง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง การหยุดรถ ให้ค่อยๆ ถอนคันเร่งเพื่อลดระดับความเร็วของรถ

          ไม่เหยียบเบรกให้รถหยุดกะทันหัน โดยเฉพาะเมื่อขับผ่านบริเวณที่มีแอ่งน้ำหรือน้ำท่วมขัง เพื่อป้องกันรถเหินน้ำ ทำให้ล้อล็อก จนเสียการทรงตัว ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ การใช้สัญญาณไฟ เปิดไฟหน้ารถแม้จะเป็นช่วงเวลากลางวัน จะทำให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น และรถคันอื่นมองเห็นรถเราได้จากระยะไกล ไม่ควรใช้ไฟหรี่ เพราะแสงไฟที่ส่องสว่างไม่เพียงพอต่อการมองเห็นเส้นทาง รวมถึงไม่เปิดใช้สัญญาณไฟสูง เพราะแสงไฟที่กระทบกับน้ำฝนจะส่องเข้าตาผู้ที่ขับรถสวนทางมา โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่มีฝนตกหนักหรือถนนมีน้ำเฉอะแฉะ ควรเปิดใช้ไฟตัดหมอก จะช่วยลดการสะท้อนของแสงไฟหน้ารถกับน้ำบนพื้นถนน

          ที่สำคัญ ห้ามเปิดไฟกะพริบหรือไฟฉุกเฉิน เพราะจะสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ร่วมใช้เส้นทาง ทำให้ไม่มีสัญญาณไฟเลี้ยวใช้ จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ การเรียนรู้หลักการขับรถในช่วงฤดูฝนอย่างถูกวิธี จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงฤดูฝน

 

 

           ที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

อ้างอิง: http://www.thaihealth.or.th/Content/24908-หลักการขับรถในช่วงฝนตกอย่างปลอดภัย.html