Angthong Hospital

  • 035 615 111
  • 035 612 151

ประกาศ, ประชาสัมพันธ์, รายงานและบทความ

ธนิกุล ศรีอุทิศ 19 ส.ค. 2554

เอกสารแนบ

 

นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ทุกสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม องค์การพันธมิตรนมแม่โลก (WABA) กำหนดให้มีการรณรงค์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ประชาชนเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวติดต่อกันนาน 6 เดือน

เนื่องจากนมแม่มีสารอาหารครบถ้วนมากกว่า 200 ชนิดและเป็นอาหารที่วิเศษที่สุดสำหรับทารก มีคุณค่าสูงมากต่อสมองของเด็ก และพัฒนาการด้านต่างๆ จากการติดตามอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของหญิงหลังคลอดไทยที่มีปีละประมาณ 8แสนคน ในช่วง 4ปีมานี้แม่เพียงร้อยละ 15 หรือประมาณ 120,000 คน ที่ใช้นมแม่เลี้ยงลูกอย่างเดียวติดต่อกัน 6 เดือน ซึ่งยังต่ำกว่าประเทศในแถบเอเชียด้วยกัน

นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้หญิงหลังคลอดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ติดต่อกันนาน 6 เดือน ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ในปี 2554 ตั้งเป้าให้ได้ร้อยละ30หรือประมาณ 240,000 คน โดยดำเนินการผ่านโครงการโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว ทั้งนี้ ในช่วงขวบปีแรกสมองของเด็กแรกคลอดจะโตเร็วกว่าส่วนต่างๆของร่างกายเกือบ 2เท่าตัว จากแรกคลอดจะหนักประมาณ 400 กรัม เมื่ออายุ 1 ขวบน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 กรัม ขณะที่สมองผู้ใหญ่น้ำหนักประมาณ 1,400 กรัม

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะมีบทบาทต่อการพัฒนาสมองเด็ก 2 ปัจจัยใหญ่ คือจากสารอาหารต่างๆ ที่อยู่ในน้ำนมแม่และจากการที่แม่อยู่กับลูก มีผลงานวิจัยพบว่านมแม่ทำให้สมองลูกพัฒนาได้เกินกว่าพันธุกรรมที่ได้รับจากพ่อแม่ พูดง่ายๆคือ ลูกจะมีไอคิวใกล้เคียงพ่อแม่ หรือสูงกว่า เนื่องจากในน้ำนมแม่มีสารช่วยในการเจริญเติบโตของสมองและประสาทให้ทำงานเต็มที่และต่อเนื่อง และมีสารที่สามารถต่อสู้เชื้อโรคมาก ซึ่งไม่มีในนมผสมคุณภาพของนมแม่จะมีเต็มเปี่ยมต่อไปถึงหลังคลอด 2-3 ปี

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

อ้างอิง: http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/situations/23867

หมวดหมู่

สุขภาพ

ถูกใจให้บอกต่อ