Angthong Hospital

  • 035 615 111
  • 035 612 151

ประกาศ, ประชาสัมพันธ์, รายงานและบทความ

ธนิกุล ศรีอุทิศ 11 ธ.ค. 2556

เอกสารแนบ

จักษุแพทย์เตือนหน้าหนาว ป่วยอาการตาแห้งมาก ชี้ข้อสังเกตตาไม่มีแวว กระพริบตาบ่อยครั้ง ควรประคบเย็นที่ดวงตา พร้อมแนะ 4 วิธีเลี่ยงอาการตาแห้ง

นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยเข้ามารักษาอาการตาแห้งเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ซึ่งอาการตาแห้งเกิดจากสภาพแวดล้อมที่แห้ง โดยข้อบ่งชี้ของผู้มีอาการตาแห้ง ได้แก่ 1.จะมีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณดวงตา 2.ตาแดง 3.น้ำตาไหล 4.กระพริบตาบ่อย และ 5.ตาฝ้าฟาง โดยกลุ่มที่พบบ่อยมากที่สุด คือ ผู้สูงอายุ คนที่ใส่คอนแทคเลนส์ เด็กและผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง เป็นต้น ทั้งนี้ คนไข้ที่มารับการรักษาส่วนใหญ่จะมาด้วยอาการมองแดดแล้วรู้สึกแสบตา จนทำให้เกิดความวิตกกังวล และบางรายก็มีอาการวิตกจริตร่วมด้วย เพราะกังวลว่าจะเป็นโรคที่มีผลกระทบกับดวงตาจนเกิดอันตรายกับดวงตา

นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวอีกว่า อาการตาแห้งไม่ได้ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อดวงตามากนัก แต่อาการตาแห้งจะสร้างความรำคาญมากกว่า ท้งนี้ ประชาชนสามารถสังเกตอาการตาแห้งได้จากดวงตาไม่มีแวว และมีการกระพริบตาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการแก้ปัญหาสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยการประคบเย็นบริเวณดวงตา คือนำผ้าไปแช่ในตู้เย็น หรือชุบน้ำเย็นมาวางทาบโดยไม่ต้องกด ขยี้ หรือคลึง ซึ่งการวางผ้านั้นให้วางตั้งแต่ขมับซ้ายมาขมับขวาทาบทับหน้าผาก ตา และจมูก จนกว่าผ้าจะแห้ง หลังจากนั้นก็ให้นำผ้ามาชุบน้ำเย็นต่อ ซึ่งต้องทำติดต่อกันประมาณ 20 นาที และทำวันละ 2 ครั้ง จะช่วยให้อาการดีขึ้น

"หากประคบเย็นแล้วยังไม่หาย ผู้ป่วยควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที เพื่อป้องกันอาการที่รุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อน โดยจักษุแพทย์มักจะให้น้ำตาเทียมหรือยาหยอดตาในการรักษา นอกจากนี้ สำหรับการดูแลดวงตาไม่ให้มีอาการตาแห้งในช่วงหน้าหนาว สามารถทำได้ด้วย 4 วิธี คือ 1.หลีกเลี่ยงการออกแดด 2.สวมแว่นกันแดดหรือหมวกทุกครั้งที่ออกแดด 3.ดื่มน้ำก่อนออกจากบ้านทุกครั้งเพื่อทำให้ตาชุ่มฉ่ำ และเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำเวลาอยู่นอกบ้าน และ 4.รับประทานอาหารที่มีวิตามินเอสูง เช่น ผักสีเขียว ผักบุ้ง มะละกอ และแครอท เนื่องจากในกลุ่มเด็กนั้นมีอาการตาแห้งเกิดจากการไม่ได้รับประทานผักและผลไม้" จักษุแพทย์ กล่าว

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ

 

 

อ้างอิง: http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/news/37990