Angthong Hospital

  • 035 615 111
  • 035 612 151

ประกาศ, ประชาสัมพันธ์, รายงานและบทความ

ธนิกุล ศรีอุทิศ 5 ก.ย. 2554

เอกสารแนบ

 

ถ้าลูกพยายามหลีกเลี่ยงหรือมีท่าทางกังวล มือสั่น ใจสั่น กระวนกระวายอยู่เสมอยามไปอยู่ในสถานที่ใหม่ๆ หรือเวลาเจอคนแปลกหน้า อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าลูกกำลังเป็นโรคหวาดกลัวการเข้าสังคมค่ะ


เมื่อลูกเป็นโรค "กลัวสังคม"   


โรคกลัวสังคม หรืออาการกังวลเมื่อต้องเข้าสังคมสามารถพบเห็นได้เสมอ แต่ขึ้นอยู่กับความรุนแรงว่าลูกสามารถปรับตัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ โดยโรคนี้เกิดได้จาก 3 สาเหตุคือ
      
1. ตัวหนูเป็นสาเหตุ
      
เด็กแต่ละคนจะมีพื้นอารมณ์ที่แตกต่างกันไป โดยเด็กที่ปรับตัวยาก เวลาเจอสิ่งใหม่ ที่ไม่คุ้นเคย จะหลีกเลี่ยงออกห่าง หรือแสดงท่าทีไม่ยินยอม ต่อต้าน เช่น ในเด็กเล็ก ถ้าเริ่มเปลี่ยนอาหารชนิดใหม่ก็จะร้องไห้และไม่ยอมกินง่ายๆ หรือเมื่อมีการเปลี่ยนที่ก็จะปรับตัวเข้ากับสถานที่ใหม่ได้ยาก
      
เด็กที่มีพื้นอารมณ์เป็นเด็กปรับตัวยากเมื่อโตขึ้น ถึงวัยเข้าสังคม จะรู้สึกวิตกกังวลที่จะเจอกับคนแปลกหน้า เด็ก ๆ จะไม่มีทักษะด้านการสื่อสารที่จะทำความรู้จักเข้าหาเพื่อนใหม่ ๆ และมีแนวโน้มที่จะเป็นคนวิตกกังวล จนทำให้บุคลิกภาพของลูกเป็นคนอ่อนไหวต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ ประหม่า เขินอาย เมื่อต้องทำอะไรต่อหน้าคนอื่น และสิ่งที่เร้าอามรมณ์ต่างๆ จนทำให้เกิดความเครียดและไม่อยากเข้าสังคมในที่สุด
      
2. พ่อแม่เลี้ยงให้หนูกลัวสังคม
      
ลักษณะพ่อแม่เลี้ยงลูกอย่างประคบประหงมหรือพ่อแม่ช่วยเหลือมากเกินไป จนทำให้ลูกไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองต่อการเรียนรู้หรือเผชิญโลกกว้าง
      
หรือพ่อแม่ที่ให้ลูกอยู่ในพื้นที่จำกัด เช่น ให้ลูกอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปเจอคนนอกครอบครัวหรือสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เด็กจะขาดโอกาสพบเจอประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย ไม่คุ้นเคยกับการปรับตัวเข้าสิ่งใหม่ เด็กอยู่แต่กับผู้คนเดิม ๆ สิ่งแวดล้อมเดิม ๆ ที่จำเจ เมื่อต้องไปใช้ชีวิตหรือต้องเผชิญกับสังคมภายนอกครอบครัว จะทำให้เกิดความอึดอัดและวิตกกังวล
      
การเลี้ยงดูแบบนี้ จะส่งผลให้ลูกขาดทักษะการแก้ปัญหา เพราะลูกไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวอย่างไรให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ จนเกิดเป็นความวิตกกังวลและขาดความมั่นใจ
      
นอกจากนี้ ยังมีพ่อแม่ที่จะตำหนิหรือวิจารณ์ลูกเป็นประจำ จนทำให้ลูกกลายเป็นคนวิตกกังวลและไม่เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง
      
3. กรรมพันธุ์มีส่วนก่อโรค
      
กรรมพันธุ์จากพ่อแม่ที่เป็นคนช่างวิตกกังวลสามารถถ่ายทอดความวิตกกังวลนั้นให้แก่ลูกได้เช่นกัน
      
อาการกลัวสังคม
      
พ่อแม่สามารถสังเกตพฤติกรรมของลูก โดยดูได้จากอาการหวาดกลัว ไม่สบายใจ สีหน้าท่าทางกังวล หรือหาทางหลีกเลี่ยง เวลาที่ลูกต้องเผชิญกับสถานการณ์ทางสังคมที่แปลกใหม่ เช่น การพูดหน้าชั้นเรียน การย้ายโรงเรียนใหม่ หรือการต้องพบเจอกับคนแปลกหน้า ซึ่งสามารถแบ่งอาการเป็นระดับความรุนแรงได้ดังนี้
      
- รุนแรงน้อย เช่น มีความประหม่า เขินอาย มือสั่น ปากสั่น มีอาการกระวนกระวาย ไม่กล้าแสดงออกหรือกังวลต่อการแสดงออกของตัวเองต่อสถานการณ์ทางสังคม
      
- รุนแรงมาก เช่น ร้องไห้ ใจเต้น เหงื่อออก เวียนศีรษะ ปวดท้อง หรือต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ซึ่งเป็นอาการทางระบบประสาทที่ส่งผลไปถึงร่างกาย จนอาจทำให้ลูกต้องหยุดเรียน ปลีกตัวไปอยู่คนเดียว และมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
      
รู้สาเหตุ รักษาเบื้องต้น
      
พ่อแม่มีส่วนช่วยให้ลูกผ่านพ้นอาการเหล่านี้ไปได้ ด้วยการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ด้วยการคอยสังเกตอาการและสีหน้าของลูก ต่อสถานการณ์ที่ลูกต้องเผชิญว่าลูกมีความสุขหรือไม่ ด้วยการพูดกำลังใจลูก ไม่ตำหนิ หรือพูดเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น แต่พ่อแม่ควรพูดชมเชยลูก เมื่อลูกสามารถทำได้สำเร็จด้วยค่ะ
      
เมื่อต้องปรึกษาแพทย์


หากพบว่าลูกมีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้น หรือดูแลเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้น ควรพาลูกไปพบจิตแพทย์ คุณหมอจะใช้วิธีบำบัดทางจิตใจ และพฤติกรรมโดยมีจุดมุ่งหมายการรักษาเพื่อลดความหวาดกลัว และวิตกกังวลต่อสถานการณ์ทางสังคมทีละน้อย โดยอาจใช้หรือไม่ใช้ยาร่วมด้วยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยจำลองสถานการณ์ทางสังคมต่างๆ เช่น การพูดหน้าชั้นเรียน การแสดงบนเวที การพูดคุยโต้ตอบกับเพื่อน ฯลฯ เพื่อให้เด็กได้ค่อยๆ ปรับตัว สร้างความคุ้นเคยกับสถานการณ์ที่เด็กหวาดกลัว เพื่อให้เกิดความมั่นใจขึ้นทีละน้อย และค่อยๆ กล้าใช้ความสามารถของตัวเองแสดงออกมา


ด้วยวิธีการเหล่านี้ จะทำให้เด็กเปลี่ยนแปลงความคิดหรือทัศนคติใหม่ จนสามารถเอาชนะความกลัวได้ แต่การรักษาอาจจะต้องใช้เวลานานซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรคด้วย


หากอาการยังไม่ดีขึ้น คุณหมอจะแนะนำให้ใช้ยาคลายความเครียดและกังวล แต่ยานี้ต้องใช้ในเด็กที่อายุตั้งแต่ 6 เดือน - 1 ปี และต้องระมัดระวังอย่าใช้ยามากเกินไป โดยควรอยู่ในความดูแลของคุณหมอค่ะ
      
โรคนี้ป้องกันได้


การเป็นโรคกลัวสังคม สาเหตุหนึ่ง มาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ดังนั้นวิธีป้องกันก้ต้องมาจากการเลี้ยงดูลูกนั่นเอง


- พ่อแม่ต้องหมั่นสำรวจตัวเอง ว่ามีความวิตกกังวลหรือเลี้ยงลูกด้วยความกังวลหรือไม่ และพยายามอย่าเอาความวิตกกังวลของตัวเองมาลงที่ตัวลูก เช่น ไม่แสดงสีหน้ากังวลแต่ควรพูดด้วยความมั่นใจ เพราะลูกจะรับรู้ความรู้สึกเหล่านี้ได้


- ควรพาลูกไปเจอกับสถานการณ์ที่หลากหลาย เช่น พาไปพบญาติพี่น้องที่ไม่ค่อยได้เจอกัน พาลูกไปเล่นกับเด็กในวัยเดียวกัน ให้ลูกได้แสดงความสามารถที่ตัวเองถนัด เช่นศิลปะ ดนตรี กีฬา เพื่อที่ลูกจะได้มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น


- ควรพูดและแสดงความยินดี การได้รับคำชมเชยจากพ่อแม่ ถือว่าเป็นการเพิ่มพลังทางจิตใจต่อลูกได้ดีมาก เพราะลูกจะรู้สึกว่าพ่อแม่อยู่ข้างๆ และคอยเป็นกำลังใจให้เสมอเพราะเด็กที่กลัวสังคม จะรู้สึกว่าตัวเองสไม่มีความสามารถการเติมพลังทางจิตใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้ลูกก้าวข้ามสถานการณ์ที่ยากๆ ได้สำเร็จค่ะ


- อย่าตำหนิลูก หากลูกยังทำได้ไม่ดีพอ ความกล้าหาญที่จะต้องเผชิญสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยจะต้องใช้เวลา ดังนั้นหากครั้งแรกลูกทำไม่สำเร็จ ก็ไม่ควรตำหนิลูก เพราะลูกจะหวาดกลัวจนไม่กล้าทำอะไร
      
โรคกลัวสังคม สามารถป้องกันได้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในวัยเล็กๆ และรักษาให้ดีขึ้นได้ ตรงกันข้ามหากลูกไม่ได้รับการดูแลและใส่ใจจากพ่อแม่ ก็อาจโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นโรคหวาดกลัวสังคม วิตกกังวล ซึมเศร้าและมีปัญหาด้านบุคลิกได้เช่นกัน

 


 


ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ

อ้างอิง: http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/24182