Angthong Hospital

  • 035 615 111
  • 035 612 151

ประกาศ, ประชาสัมพันธ์, รายงานและบทความ

ธนิกุล ศรีอุทิศ 20 ม.ค. 2557

เอกสารแนบ

เดี๋ยวนี้กรมอุตุนิยมวิทยาของไทยคาดการณ์ฟ้าฝนลมหนาวได้แม่นยำกว่าอดีตมาก ขณะกำลังเขียนอยู่นี้ลมหนาวจากประเทศจีนได้แผ่มาปกคลุมประเทศไทยอีกระลอกแล้ว และอาจได้สัมผัสลมหนาวๆ เย็นๆ ไปถึงกลางกุมภาพันธ์

 

 

อากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวเช่นนี้เด็กและผู้สูงอายุต้องระมัดระวังสุขภาพเป็นพิเศษ แต่ก็พบคนหนุ่มสาวไอจามยามอากาศเปลี่ยนกันมากเช่นกัน เพราะอาจไม่ทันรับมือลมหนาวจู่โจม ถ้าจะว่ากันตามหลักการ ไม่ว่าจะแนวคิดแพทย์ตะวันตกหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น การรับมืออากาศหนาวที่ดีที่สุดน่าจะไม่พ้น 3 วิธีพื้นฐาน ได้แก่ รักษาความอบอุ่นของร่างกายให้ดี โดยเฉพาะยามหลับนอนร่างกายต้องอุ่นพอ และเลี่ยงการอาบน้ำเย็น อาบน้ำบ่อย

ต่อไปคืออาหารการกิน ครบถ้วนเพียงพอให้มีพลังงานสู้กับอากาศหนาวและเรียนรู้กินอาหารที่มีรสเผ็ดร้อน ช่วยให้เลือดลม และร่างกายอบอุ่น วิธีสุดท้ายซึ่งต้องทำมาก่อนลมหนาวมาเยือน คือ การออกกำลังกายไว้เสมอ ถึงอย่างไรทำตอนนี้ก็ไม่มีอะไรสาย

เฉพาะเรื่องอาหารการกินรวมถึงเครื่องดื่มเป็นความรู้พื้นฐาน มีติดตัวไว้ป้องกันและบรรเทาอาการไข้หวัดได้ดี ทำง่าย ใกล้ตัว ช่วงนี้ควรได้กินอาหารที่ปรุงรสเผ็ดร้อน พริกชนิดต่างๆ ทั้งพริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า จะเป็นพริกสดพริกแห้ง ได้ทั้งนั้น ปรุงรสให้เผ็ดเพื่อให้สรรพคุณช่วยขับเหงื่อได้ดี หรือจะเป็นพริกไทยในเมนูอาหารก็ได้ประโยชน์ไม่แพ้กัน

พืชสมุนไพรในอาหารที่ควรนึกถึงมากๆ รับลมหนาวนี้หลายชนิด เช่น ขิง หอมแดง กระเทียม โหระพา กะเพรา เป็นต้น ใส่ปรุงในเมนูกันให้มาก กินแล้วทั้งป้องกันหวัดคัดจมูก และบรรเทาอาการหวัดได้ดี แต่มีสมุนไพรชนิดหนึ่ง เข้าข่ายมีรสเผ็ดร้อนเช่นกัน แต่รสเผ็ดร้อนของเขาไม่แรงเท่าพืชตระกูลพริก และขิง และก็ไม่เผ็ดร้อนและกลิ่นฉุนเหมือนกระเทียมและหอมแดง นอกจากนี้ กลิ่นยังหอมชวนกินมากกว่ากะเพราและโหระพาที่มีความเผ็ดร้อน

พูดให้ง่ายๆ พืชชนิดนี้มีรสเผ็ดแต่ไม่ร้อนแรง มีกลิ่นชวนกินไม่ฉุนแสบจมูก แต่มีสรรพคุณแก้ไข้หวัดได้ดีเหมือนกัน

นั่นคือ ตะไคร้ ที่เป็นพืชในสวนครัว ปลูกง่าย ขึ้นได้ทั้ง 4 ภาคของไทย และประกอบในอาหารไทยรสเด็ดมากมาย เช่น ต้มยำ ต้มข่าตะไคร้ ไก่ทอดตะไคร้ และอาหารยำต่างๆ ตะไคร้สามารถนำมาปรุงได้ทั้งอาหาร ยา เครื่องดื่ม และยังเป็นยาต้มอบอาบไล่ความหนาวเย็นในช่วงนี้ได้ด้วย

ตะไคร้มีสรรพคุณ ช่วยขับลมแก้ท้องอืด ช่วยขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ลดความดัน และช่วยคลายหนาว วิธีที่ง่าย แต่หลายท่านอาจไม่เคยลองยามที่มีอาการอึดอัดเพราะลมในท้อง ให้ล้างตะไคร้แล้วหั่นฝอยเป็นชิ้นเล็กๆ กินสดๆ ได้เลย น้ำมันหอมระเหยในตะไคร้จะช่วยบรรเทาอาการได้ ตะไคร้ยังใช้ต้มจากต้นสดๆ หรือนำมาตากแห้งค่อยชงน้ำร้อนดื่มก็ได้

วิธีต้ม บางคนนิยมนำมาทั้งต้น ใบ เหง้า และราก แต่ถ้าไม่สะดวกเอาแต่ใบและต้นก็ได้ นำมาสับเป็นท่อนๆ ใส่หม้อเทน้ำให้ท่วม ต้มให้เดือด แล้วปล่อยให้เดือดอ่อนอีก 10 นาที น้ำยาที่ได้นี้มีสีออกน้ำตาล ถ้าจิบกินขณะร้อนๆ อุ่นๆ หลัง ต้มเสร็จใหม่ๆ มีรสจืด ไม่ขม ไม่ขื่น ไม่เผ็ดแต่อย่างใด แต่ถ้าปล่อยให้เย็นจะมีรสขื่นไม่อร่อย จึงแนะนำให้กินขณะร้อนๆ อุ่นๆ ขับไล่ความหนาวได้ดี

แต่ถ้าอยากใช้สะดวก ท้าลมหนาวได้ทุกเวลา แนะนำให้ใช้วิธีชงดื่ม ถ้าใช้ต้นสดเอาใบหรือต้นก็พอ นำมาหั่นซอยเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่แก้วแล้วเติมน้ำเดือดๆ ลงไป ปิดฝาทิ้งไว้ 10-15 นาที ควรกินขณะอุ่นๆ เพราะทิ้งไว้เย็นก็จะมีรสขื่นๆ ถ้าอยากเตรียมไว้ล่วงหน้า ให้หั่นตะไคร้เป็นแว่นๆ ตากแดดให้แห้ง บรรจุโหลหรือภาชนะปิดฝาให้สนิท นำตะไคร้แห้งมาชงกับน้ำเดือด ทิ้งไว้สัก 20 นาทีให้ยาออกฤทธิ์แล้วดื่มขณะอุ่นๆ

ในอินเดียมีการผสมสูตรชาตะไคร้ด้วยการใส่พริกไทยดำลงไปเล็กน้อย บางท่านชอบเพราะรู้สึกรสชาติดีขึ้น พริกไทยก็ให้ความเผ็ดร้อน ช่วยให้เป็นเครื่องดื่มเหมาะกับฤดูหนาวด้วย และใครที่มีอาการไข้หวัด นอกจากกินยาแล้วเครื่องดื่มต่างน้ำในระยะนี้น่าจะต้มหรือชงตะไคร้ไว้กินต่างน้ำทั้งวัน และจะให้ผลฟื้นไข้หรือต้านโรคหวัดได้ดี

ถ้าต้มน้ำตะไคร้อาบ ทำได้โดยนำตะไคร้ 3-4 ต้น ใส่น้ำต้มให้เดือด เอาน้ำยานี้ไปเจือจางกับน้ำอุ่นๆ เอาไว้อาบ จะได้กลิ่นหอมและสรรพคุณยาแก้หวัดได้ ตะไคร้ยังใช้แก้อาการปวดเมื่อย ถ้าปวดหลังปวดเอว เขาให้เอาเหง้าที่อยู่ใต้ดิน มาล้างให้สะอาด นำมาต้มน้ำ กินเป็นประจำแก้ปวดเมื่อย ถ้ามีอาการปวดประจำเดือน ใช้รากและเหง้า หรือใช้แต่ใบก็ได้ นำมาชงน้ำร้อนกินต่างน้ำช่วยบรรเทาสตรีที่ปวดประจำเดือน

การศึกษาวิจัยสมัยใหม่ได้สรุปสรรพคุณหลักๆ ของตะไคร้ว่า เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านอักเสบ ระงับปวด ช่วยขับปัสสาวะ ลดความดัน ลดอาการเกร็งของลำไส้ มีสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง และมีฤทธิ์กำจัดเชื้อราและแบคทีเรีย

ตะไคร้ปลูกง่าย ถ้าพอมีที่ทำพืชผักสวนครัวก็ให้ปลูกตะไคร้ไว้สักกอ เก็บมาปรุงอาหารและต้มชงชาดื่มได้ตลอดปี ถ้ายังไม่มีปลูกแวะตลาดสดซื้อมาสัก.กำ นำมาปรุงเครื่องดื่มร้อน ท้าลมหนาวได้อย่างมีสุขภาพดี

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

อ้างอิง: http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/situations/38506