Angthong Hospital

  • 035 615 111
  • 035 612 151

ประกาศ, ประชาสัมพันธ์, รายงานและบทความ

ธนิกุล ศรีอุทิศ 21 ต.ค. 2554

เอกสารแนบ

 

1. โรคน้ำกัดเท้า

 

  • เกิดจากการย่ำหรือแช่ในน้ำ ที่มีเชื้อโรค
  • เป็นโรคที่พบมากที่สุดจากเหตุการณ์น้ำท่วม
  • อาการ
    • ระยะแรก คันตามซอกนิ้วเท้า ผิวหนังลอกเป็นขุย มีผื่น
    • ต่อมา ผิวหนังที่เท้าพุพอง
    • เท้าเปื่อย เป็นหนอง
  • การป้องกัน
    • หลีกเลี่ยงการย่ำน้ำ หากจำเป็นควรใส่รองเท้าบูทกันน้ำ และเมื่อกลับเข้าบ้าน ควรใช้น้ำสบู่ล้างเท้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
    • สวมเสื้อผ้าสะอาด ไม่เปียกชื้น

 

2. ไข้หวัด

 

  • พบช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ติดต่อได้จากการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย แพร่กระจายจากน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ หรือของใช้ของผู้ป่วย
  • อาการ
    • ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหัว ปวดเมื่อยตามร่างกาย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
    • มีไข้เล็กน้อย
    • คัดจมูก มีน้ำมูกใส ไอ จาม
  • หายได้เองภายใน 1 สัปดาห์

 

3. ไข้หวัดใหญ่

 

  • เชื้อแพร่กระจายอยู่ในลมหายใจ เสมหะ น้ำลาย น้ำมูก และสิ่งของใช้ของผู้ป่วย
  • อาการ
    • มีไข้สูง
    • ปวดเมื่อยตามตัวมาก
    • ไอ จาม เจ็บคอ มีน้ำมูก คัดจมูก อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
  • การปฏิบัติตัว
    • ผู้ป่วยควรใช้ผ้าปิดปากและจมูกเวลาไอ จาม หรือสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
    • ไม่ควรสั่งน้ำมูกแรงๆ เพราะอาจทำให้หูอักเสบได้
    • กินอาหารที่ย่อยง่าย กินผัก ผลไม้ และดื่มน้ำอุ่นมากๆ
    • อาบน้ำหรือเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น แล้วเช็ดตัวให้แห้งทันที

 

4.โรคปอดบวม

 

  • หากผู้ประสบภัยน้ำท่วมสำลักน้ำ หรือสิ่งสกปรกต่างๆ เข้าไปในปอด ก็มีโอกาสจะเป็นโรคปอดบวมได้ หรือการคลุกคลีกับผู้ป่วย เมื่อไอ จาม หรือหายใจรดกัน
  • อาการ
    • มีไข้สูง ไอมาก หายใจหอบและเร็ว
    • บางครั้งหายใจหอบและเร็วจนเห็นชายโครงบุ๋ม เล็บมือ เล็บเท้า และริมฝีปาก ซีดหรือคล้ำ กระสับส่าย หรือซึม
  • เมื่อสงสัยว่าเป็นโรคปอดบวม ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที และรับการรักษาในโรงพยาบาล

 

5. โรคตาแดง

 

  • ติดต่อกันง่าย โดยเฉพาะเด็กเล็ก ทั้งจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย และจากใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดหน้า หรือจากแมลงวัน แมลงวี่ตอมตา
  • อาการ
    • หลังจากรับเชื้อ 1-2 วัน จะเริ่มเคืองตา ปวดตา น้ำตาไหล กลัวแสง มีขี้ตามาก หนังตาบวม ตาขาวอักเสบแดง
  • ผู้ป่วยมักหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าดูแลรักษาไม่ถูกวิธี อาจเกิดอาการแทรกซ้อน
  • การปฏิบัติตัว
    • เมื่อมีฝุ่น หรือน้ำสกปรกเข้าตา ควรรีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที ไม่ควรขยี้ตา อย่าให้แมลงตอมตา และไม่ควรใช้สายตามากนัก
    • หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่มากๆ
    • เมื่อมีอาการ ควรพบแพทย์ เพื่อรับยาหยอดหรือป้ายตา

 

6. โรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร

 

  • ติดต่อจากเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย ทางอาหาร น้ำ ที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น อาหารที่มีแมลงวันตอม อาหารทิ้งค้างคืนไม่ได้แช่เย็นและไม่ได้อุ่นให้ร้อน
  • ได้แก่
  1. โรคอุจจาระร่วง
    • ถ่ายอุจจาระเหลว หรือเป็นน้ำ หรือมีมูกเลือด
    • อาจอาเจียนร่วมด้วย
  2. อหิวาตกโรค
    • ถ่ายอุจจาระเหลวคล้ายน้ำซาวข้าว มีกลิ่นคาว
    •  อาเจียน อ่อนเพลีย
  3. อาหารเป็นพิษ
    • ปวดท้องร่วมกับถ่ายอุจจาระเหลว
    •  คลื่นไส้ อาเจียน
    • อาจจะปวดหัว ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว
  4. โรคบิด
    • ถ่ายอุจจาระบ่อย มีมูกหรือมูกปนเลือด
    • มีไข้ ปวดท้อง และมีปวดเบ่งร่วมด้วย
  5. ไข้รากสาดน้อย หรือไข้ทัยฟอยด์
    • มีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว
    • เบื่ออาหาร อาจท้องผูก หรือบางรายอาจท้องเสีย
  • การป้องกัน
    • ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสะอาดและสบู่ทุกครั้งก่อนเตรียมและปรุงอาหาร ก่อนกินอาหาร และหลังการขับถ่าย
    • ดื่มน้ำสะอาด เลือกกินอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ และเก็บอาหารไว้ในภาชนะที่มิดชิด
    • กำจัดสิ่งปฏิกูล ขยะ
  • การรักษา
    • ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำหรืออาหารเหลวมากๆ ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ผสมน้ำตามสัดส่วนที่ระบุข้างซอง (หรือทำเอง คือ น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นครึ่งช้อนชา ละลายในน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว 1 ขวดกลม)
    • หากมีอาการมากขึ้น เช่น อาเจียนมาก ไข้สูง ชัก หรือซึมมาก ให้ไปพบแพทย์
    • ไม่ควรกินยาให้หยุดถ่าย เพราะจะทำให้เชื้อโรคค้างอยู่ในร่างกาย ซึ่งจะเป็นอันตรายมาก

 

7. โรคฉี่หนู

 

  • โรคฉี่หนู หรือ เลปโตสไปโรสิส ติดต่อจากหนูสู่คน เชื้อมากับปัสสาวะสัตว์ปนเปื้อนอยู่ในน้ำท่วมขัง พื้น ดินที่ชื้นแฉะได้นาน เมื่อผิวหนังแช่น้ำ เชื้อจะเข้าร่างกายทางบาดแผล รอยขีดข่วน รอยถลอก หรือไช้เข้าเยื่อบุตา จมูก ปาก หรือผิวหนังที่แช่น้ำนาน หรือติดเชื้อจากอาหารที่หนูฉี่รด
  • อาการ
    • หลังรับเชื้อ 4-10 วัน โดยจะมีไข้สูงทันทีทันใด ปวดหัว และปวดกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะน่อง โคนขา หรือหลัง
    • บางคนตาแดง อาจเจ็บคอ เบื่ออาหาร หรือท้องเดิน
  • การป้องกัน
    • สวมรองเท้าบูทยางกันน้ำ หากต้องลุยน้ำ ย่ำโคลน
    • หลีกเลี่ยงการแช่น้ำ ย่ำโคลนนานๆ เมื่อขึ้นจากน้ำแล้วต้องรีบอาบชำระร่างกายให้สะอาดโดยเร็วที่สุด
    • รับประทานอาหารที่ปรุงสุก เก็บอาหารในภาชนะที่มิดชิด
    • ดูแลที่พักให้สะอาด
  • การรักษา
    • รีบไปพบแพทย์ ถ้าไม่รีบรักษา บางรายอาจมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง ไอมีเลือดปน หรือตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะน้อย ซึม สับสน กล้ามเนื้อหัวใจอาจอักเสบและเสียชีวิตได้

 

8. ไข้เลือดออก

 

  • มียุงลายเป็นพาหะ
  • อาการ
    • ไข้สูงตลอดวัน ประมาณ 2-7 วัน
    • ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว มักคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร ส่วนใหญ่ หน้าแดง อาจมีจุดเล็กๆตามลำตัว แขน ขา
    • ต่อมา ไข้จะเริ่มลง ในระยะนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดอาการรุนแรงได้ ผู้ป่วยจะกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น หรือเลือดออกผิดปกติ อาจมีภาวะช็อค และเสียชีวิตได้
  • การป้องกัน
    • ระวังอย่าให้ยุงกัด กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
  • การรักษา
    • รีบพาไปพบแพทย์
    • ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว ห้ามใช้ยาแอสไพริน ใช้ยาลดไข้พาราเซตามอล

 

9. โรคหัด

 

  • ติดต่อกันได้ง่าย ทั้งการไอ จาม หรือพูดกันในระยะใกล้ชิด พบในช่วงฤดูฝน
  • อาการ
    • หลังรับเชื้อ 8-12 วัน จะเริ่มมีไข้ น้ำมูกไหล ไอ ตาแดง ตาแฉะ พบจุดขาวเล็กๆขอบแดงในกระพุ้งแก้ม
    • จากนั้น  1-2 วันแรก ไข้จะขึ้นสูง สูงเต็มที่ในวันที่ 4 เมื่อมีผื่นขึ้น โดยผื่นจะนูนแดงติดกันเป็นปื้นๆ ขึ้นที่ใบหน้าชิดขอบผม แล้วแพร่กระจายไปตามตัว แขน และขา ต่อมาไข้จะเริ่มลดลง ส่วนผื่นจะสีเข้มขึ้นแล้วค่อยจางในเวลา 2 สัปดาห์
    • ในเด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการ หรือในเด็กเล็ก อาจมีโรคแทรกซ้อน เช่น หูอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปวด อักเสบ สมองอักเสบ อาจเสียชีวิตได้
  • การป้องกัน
    • ฉีดวัคซีนป้องกัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย รักษาสุขอนามัย
  • การดูแลรักษา
    • รักษาตามอาการ ถ้าไข้สูงมากควรให้ยาลดไข้เป็นครั้งคราว ร่วมกับเช็ดตัว ไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ

ที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

อ้างอิง: http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/17665

หมวดหมู่

สุขภาพ

ถูกใจให้บอกต่อ